บนเรือจักรีนฤเบศร์ ยิ่งใหญ่สมฐานะเรือรบหลวง แต่คนในรูปน่ะนะ ใหญ่กว่าเขาอีก (ข้างหลังไง)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
skip to main |
skip to sidebar
แสดงศักยภาพความเป็นครูที่น่าอัศจรรย์ มันอายเป็นนะ แต่ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทยที่ครูไทยทำไม่ได้
พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ สวนนงนุช โดยท่านผอ.ดุสิต สวัสดิภาพ ก่อนย้ายนิวาสถานมาที่โรงเรียนบ้านตลาดควาย buffalo market แหล่งคนรวยที่ผู้ร่วมงานแสนจะอบอุ่น
ครูโรงเรียนบ้านตลาดควาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 1
- http://vipawan.blogspot.com
- http://chutikan.blogspot.com
- http://angkana9159.blogspot.com
- http://krunui.blogspot.com
- http://krunee.blogspot.com
- http://woramon.blogspot.com
- http://krunoo2009.blogspot.com
- http://kruthana.blogspot.com
- http://satid.blogspot.com
- http://bamboo493.blogspot.com
- http://tonkhao2552.blogspot.com
- http://krutavee.blogspot.com
- http://kruwat.blogspot.com
คาบาเร่วันครู2552
แสดงศักยภาพความเป็นครูที่น่าอัศจรรย์ มันอายเป็นนะ แต่ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทยที่ครูไทยทำไม่ได้
แก็งซี้ปึ้กที่มหาราช 7
พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ สวนนงนุช โดยท่านผอ.ดุสิต สวัสดิภาพ ก่อนย้ายนิวาสถานมาที่โรงเรียนบ้านตลาดควาย buffalo market แหล่งคนรวยที่ผู้ร่วมงานแสนจะอบอุ่น
คนสวยประจำบล็อก
ครูโรงเรียนบ้านตลาดควาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 1
เผยแพร่ผลงาน
ชื่อรายงาน : การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้
แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน : นางบุญทวี ทองลิ่ม
ปีที่รายงาน : พ.ศ. 2550
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยหลังใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้มาโดยใช้เทคนิคการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนมหาราช 7 อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 26 คน โดยมีเหตุผลในการเลือกคือ 1) เป็นโรงเรียนที่มีการจัดนักเรียนคละเพศและระดับสติปัญญา เก่ง ปานกลางและอ่อน ตามธรรมชาติของห้องเรียนโรงเรียนประถมศึกษา 2) เป็นโรงเรียนที่มีการจัดสภาพการเรียนการสอน สภาพเศรษฐกิจและสังคมคล้ายคลึงกับโรงเรียนอื่น ๆ 3) นักเรียนมีความแตกต่างกันจำนวนมากพอ มีค่าเฉลี่ยของคะแนน( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 ที่เรียนวิชาภาษาไทยทั้งหมดและมีระดับผลการเรียนที่ผ่านมาที่มีกลุ่มนักเรียนที่เก่ง ปานกลาง และอ่อนคละกัน 4) เป็นโรงเรียนที่ผู้รายงานทำการสอนอยู่และได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกจากผู้บริหารโรงเรียนในการเก็บข้อมูล 5) สะดวกในการบริหารจัดการเนื่องจากผู้รายงานเป็นครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 เป็นเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 60 นาที รวมระยะเวลาทั้งหมด 30 ชั่วโมง แบบแผน การศึกษาเป็นแบบ Pre - Experimental Design แบบหนึ่งกลุ่มสอบก่อนและสอบหลังเรียน (One Group Pretest-Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการและความคิดเห็นในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดของนักเรียนและผู้เชี่ยวชาญ 2) แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด 3) แผนการจัดการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึก การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา
ข ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด พบว่า แบบฝึกที่พัฒนาควรมีภาพสีประกอบและมีกิจกรรมการฝึกด้วยเกม มีการวาดภาพประกอบพร้อมระบายสี มีภาพวาดให้นักเรียนระบายสี มีกิจกรรมให้ตอบคำถามหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นการฝึกซ้ำบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการอ่านและเขียน จากการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ในด้านลักษณะการใช้แบบฝึกพบว่า นักเรียนมีความต้องการใช้แบบฝึกในเวลาเรียนคนเดียวมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ฝึกในห้องเรียนเป็นกลุ่มย่อย 2 คนและฝึกนอกเวลาเรียน
2) ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า แบบฝึกที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ปกนอก ปกใน คำนำ สารบัญ คำแนะนำการใช้ จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ กิจกรรมแบบฝึกทักษะต่าง ๆ แบบทดสอบหลังเรียน เฉลย แบบประเมินตนเอง เกมและบรรณานุกรม แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดมี 6 เล่ม จำนวน 60 แบบฝึก ได้แก่ เล่มที่ 1 แม่กนมาแล้วจ้า 1 เล่มที่ 2 แม่กนมาแล้วจ้า 2เล่มที่3 แม่กกแสนสนุก เล่มที่ 4 มารู้จักแม่กดกันดีกว่า 1 เล่มที่ 5 มารู้จักแม่กดกันดีกว่า 2 และเล่มที่ 6 แม่กบหรรษา ดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึกทั้ง 6 เล่ม เท่ากับ 1.00 ผลการหาประสิทธิภาพแบบรายบุคคล ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.77/82.22 ผลการหาประสิทธิภาพรายกลุ่มย่อย ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.58/80.91 และผลการทดลองใช้แบบฝึกสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดำเนินการโดยผู้รายงานเป็นผู้สอนด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550โดยใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เวลาในการทดลอง สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมงต่อหนึ่งเล่มรวม 30 ชั่วโมงต่อ 6 เล่ม การทดลองผู้รายงานใช้วิธีการสอนแบบเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ส่วนผลการหาประสิทธิภาพ แบบภาคสนาม พบว่า มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.85/81.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์80/80 ที่กำหนดไว้สอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาข้อที่ 1
ค 3) ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดก่อนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดหลังเรียนด้วยแบบฝึกสูงกว่าก่อนเรียนซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 2
4) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจหลังเรียนด้วยแบบฝึกโดยภาพรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับปานกลาง
5) ผลการเผยแพร่แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด จำนวน 6 เล่ม ในโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายทั้ง 10 โรงเรียน พบว่า ครูผู้สอนวิชาภาษาไทยได้นำแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดไปใช้ในการสอนนักเรียนนั้น ได้ทำหนังสือตอบรับแจ้งให้ทราบว่า แบบฝึกมีประสิทธิภาพทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดได้
แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน : นางบุญทวี ทองลิ่ม
ปีที่รายงาน : พ.ศ. 2550
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยหลังใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้มาโดยใช้เทคนิคการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนมหาราช 7 อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 26 คน โดยมีเหตุผลในการเลือกคือ 1) เป็นโรงเรียนที่มีการจัดนักเรียนคละเพศและระดับสติปัญญา เก่ง ปานกลางและอ่อน ตามธรรมชาติของห้องเรียนโรงเรียนประถมศึกษา 2) เป็นโรงเรียนที่มีการจัดสภาพการเรียนการสอน สภาพเศรษฐกิจและสังคมคล้ายคลึงกับโรงเรียนอื่น ๆ 3) นักเรียนมีความแตกต่างกันจำนวนมากพอ มีค่าเฉลี่ยของคะแนน( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 ที่เรียนวิชาภาษาไทยทั้งหมดและมีระดับผลการเรียนที่ผ่านมาที่มีกลุ่มนักเรียนที่เก่ง ปานกลาง และอ่อนคละกัน 4) เป็นโรงเรียนที่ผู้รายงานทำการสอนอยู่และได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกจากผู้บริหารโรงเรียนในการเก็บข้อมูล 5) สะดวกในการบริหารจัดการเนื่องจากผู้รายงานเป็นครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 เป็นเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 60 นาที รวมระยะเวลาทั้งหมด 30 ชั่วโมง แบบแผน การศึกษาเป็นแบบ Pre - Experimental Design แบบหนึ่งกลุ่มสอบก่อนและสอบหลังเรียน (One Group Pretest-Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการและความคิดเห็นในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดของนักเรียนและผู้เชี่ยวชาญ 2) แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด 3) แผนการจัดการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึก การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา
ข ผลการศึกษาพบว่า
1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด พบว่า แบบฝึกที่พัฒนาควรมีภาพสีประกอบและมีกิจกรรมการฝึกด้วยเกม มีการวาดภาพประกอบพร้อมระบายสี มีภาพวาดให้นักเรียนระบายสี มีกิจกรรมให้ตอบคำถามหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นการฝึกซ้ำบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการอ่านและเขียน จากการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ในด้านลักษณะการใช้แบบฝึกพบว่า นักเรียนมีความต้องการใช้แบบฝึกในเวลาเรียนคนเดียวมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ฝึกในห้องเรียนเป็นกลุ่มย่อย 2 คนและฝึกนอกเวลาเรียน
2) ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า แบบฝึกที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย ปกนอก ปกใน คำนำ สารบัญ คำแนะนำการใช้ จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ กิจกรรมแบบฝึกทักษะต่าง ๆ แบบทดสอบหลังเรียน เฉลย แบบประเมินตนเอง เกมและบรรณานุกรม แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดมี 6 เล่ม จำนวน 60 แบบฝึก ได้แก่ เล่มที่ 1 แม่กนมาแล้วจ้า 1 เล่มที่ 2 แม่กนมาแล้วจ้า 2เล่มที่3 แม่กกแสนสนุก เล่มที่ 4 มารู้จักแม่กดกันดีกว่า 1 เล่มที่ 5 มารู้จักแม่กดกันดีกว่า 2 และเล่มที่ 6 แม่กบหรรษา ดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึกทั้ง 6 เล่ม เท่ากับ 1.00 ผลการหาประสิทธิภาพแบบรายบุคคล ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.77/82.22 ผลการหาประสิทธิภาพรายกลุ่มย่อย ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.58/80.91 และผลการทดลองใช้แบบฝึกสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดำเนินการโดยผู้รายงานเป็นผู้สอนด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550โดยใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เวลาในการทดลอง สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมงต่อหนึ่งเล่มรวม 30 ชั่วโมงต่อ 6 เล่ม การทดลองผู้รายงานใช้วิธีการสอนแบบเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ส่วนผลการหาประสิทธิภาพ แบบภาคสนาม พบว่า มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.85/81.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์80/80 ที่กำหนดไว้สอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาข้อที่ 1
ค 3) ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดก่อนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดหลังเรียนด้วยแบบฝึกสูงกว่าก่อนเรียนซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานข้อที่ 2
4) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจหลังเรียนด้วยแบบฝึกโดยภาพรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับปานกลาง
5) ผลการเผยแพร่แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด จำนวน 6 เล่ม ในโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายทั้ง 10 โรงเรียน พบว่า ครูผู้สอนวิชาภาษาไทยได้นำแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดไปใช้ในการสอนนักเรียนนั้น ได้ทำหนังสือตอบรับแจ้งให้ทราบว่า แบบฝึกมีประสิทธิภาพทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น